พอหย่อนให้ ก็ไร้วินัยกันเลย
เป็นไปตามที่คาดไว้ว่า “หลังสงกรานต์กลับจากบ้าน ยอดผู้ติดเชื้อต้องสูงขึ้นแน่นอน” เพราะว่า การระบาดครั้งนี้มาจากเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ ที่ไม่แสดงอาการหลบอยู่ในร่างกายของพาหะ (คนติดเชื้อ) นานกว่า 14 วัน ทำให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างเพราะไม่รู้ตัว ขาดความระมัดระวัง ฉันคงไม่ติดมั๊ง แม้จะมาจากสถานที่เสี่ยงก็ไม่ยอมไปตรวจ ผลที่เกิดขึ้นจึงทำให้เห็นยอดผู้ติดเชื้อพุ่งเลยพันคนมาตลอดสัปดาห์
นอกจากนี้ยังพบว่า เตือนแล้วไม่ฟัง เช่น หนุ่มจัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่จัดเลี้ยงโต๊ะจีน มีงานรื่นเริง พ่อ-แม่เจ้าสาวเตือนขอร้องก็ไม่ฟัง แถมยังมีการไลฟ์สดโชว์กร่าง “กูไม่กลัว” ไปตามข่าวกันเองนะครับว่าเจออะไรบ้าง
ยังมีอีกที่จัดเล่นสงกรานต์สาดน้ำ มีรถแห่ดนตรีกระหึ่ม มากระตุ้นให้เกิดความรื่นเริงกันทั้งหมู่บ้าน ร่ายรำ ดื่มกินสนุกสนานไม่ได้ระมัดระวังตัว อย่าไปหวังจะมีหน้ากากป้องกัน ไม่ได้มีความกลัวโรคภัยที่กำลังระบาด ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ก็เป็นหัวหลักหัวตอไปหมด เท่านั้นยังไม่พอยังมีการถ่ายคลิปแชร์โชว์หน้าระรื่นอีก
อันนั้นระดับชาวบ้าน ในระดับหน่วยราชการก็มี “ห้ามแล้วไม่ฟัง” เหมือนกัน รายการนี้คือ “ศึกมหกรรมมวย รวมพลคนจะนะ” ในวันที่ 8-9 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา โปสเตอร์โปรโมตการแข่งขัน มีภาพของ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานอำนวยการจัดการแข่งขัน พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์, นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ก่อนการแข่งขันเกิดขึ้นมีการแถลงว่า จะเป็นการแข่งขันแบบปิด ไม่มีผู้ชม มีเพียงกรรมการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ภาพที่เห็น…
สำนักงานสาธารณสุข (สสจ.) กระบี่ ประสานมาที่ สสจ.สงขลา แจ้งมีผู้ป่วยโควิด 2 คน ป่วยและตรวจพบเชื้อที่กระบี่ จากไทม์ไลน์ได้เดินทางมาร่วมมหกรรมมวยจะนะ (บัตร VIP) เชื่อว่า รับเชื้อมาจากพื้นที่ กทม. ก่อนที่จะมาลงเครื่องพักที่หาดใหญ่ มาที่ อำเภอจะนะ เข้าเชียร์มวยในวันที่ 8 เมษายน แล้วไปพักและป่วยเข้าโรงพยาบาลที่กระบี่ จึงขอให้ทางจังหวัดสงขลาและอำเภอจะนะ เฝ้าระวังการระบาดจากเหตุสนามมวยจะนะด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากระบบลงทะเบียนผู้เข้ามาชมมวยนั้นไม่เป็นระบบ การสแกนไทยชนะไม่เคร่งครัด การติดตามจึงทำให้ครบถ้วนได้ยาก ทางทีมควบคุมโรคอำเภอจะนะ กำลังประสานและวางแผนการตรวจคัดกรองหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสัมผัส ซึ่งมีจำนวนมาก (บอกแล้วบ่ฟัง ตอนนี้มีการฟ้องร้องเอาผิดคณะผู้จัดมวยหลายคดี โปรดติดตามกันต่อไปว่า จะเป็นมวยล้มไหม?)
คนที่เหนื่อยและหนัก ไม่มีเวลาส่วนตัว ไม่ได้พักผ่อน อยู่บนความเสี่ยง บางคนแทบจะพูดได้เลยว่ามีเวร 24 ชั่วโมง คือ คนสาธารณสุข ทั้ง แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ตลอดจน อสม. ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่ต้องออกมาช่วยกันตั้งแต่ การตรวจคัดกรอง แยกผู้ติดเชื้อ และการจัดการโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ เคราะห์ซ้ำกรรมชัดมาอีกครับ
จากสถานการณ์ของการระบาดโควิด-19 ครั้งนี้ทำให้ประชาชนที่เคย “บริจาคโลหิต” เป็นประจำ ไม่ออกจากบ้านมาบริจาคเหมือนเคย ทำให้สถานการณ์การขาดแคลนโลหิตเกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากปี 2563 ที่ผ่านมา ปกติในแต่ละวันโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศต้องใช้เลือดในการทำการรักษาประมาณ 7,000 ยูนิต แต่มีผู้บริจาคทั่วประเทศในปัจจุบันเพียง 2,000 ยูนิตเท่านั้น
“โลหิต” เป็นสิ่งจำเป็นทางการแพทย์ที่ไม่สามารถผลิตหรือสังเคราะห์ได้เหมือนยา มีทางเดียวคือการรับบริจาคจากประชาชนทั่วไป ท่านที่มีสุขภาพดีสามารถบริจาคได้ทุกๆ 3 เดือน จึงขอเชิญชวนทุกท่านได้ร่วมใจกันไปบริจาคโลหิตได้ทุกกรุ๊ปเลือด ที่ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ที่มีสาขาในจังหวัดต่างๆ และโรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศครับ
เป็นตาย้านคักเด้ออาวทิดหมู รักษาสุขภาพนะครับ ผมมาทำงานที่อยุธยาก็เสียววาบๆ คือกัน ติดโควิดบ่น้อยในแต่ละมื้อ ย้านคัก