กันยายน 19, 2019 | 4,387 views

คลื่นซัดสาดน้ำท่วมอุบลฯ’62


ที่พักพิงชั่วคราวริมถนน ลำบากมากสำหรับคนถูกน้ำท่วม

บันทึกฉบับที่ 2 ในเหตุการณ์ “น้ำท่วมอุบลราชธานี  ปี พ.ศ. 2562” มีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจหลายเรื่อง ที่อยากเอามาบันทึกไว้เป็นบทเรียนร่วมกัน ได้ช่วยกันศึกษาและวิเคราะห์ทำเป็นบทเรียน ในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัยน้ำท่วมอย่างครั้งนี้ วาตภัยในช่วงหน้าแล้งต่อหน้าฝนที่มีบ่อยๆ แผ่นดินไหว โคลนถล่ม ที่มีกันในแทบทุกภาคของประเทศไทย โดยขอนำเรื่องปรากฏการณ์ คลื่นที่สาดซัดถาโถม ในเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ มีอะไรบ้าง?

การไม่แจ้งเตือนภัยพิบัติ

มีหลายคน หลายเสียง ใช่ไหมที่กล่าวเช่นนี้ แล้วจริงไหม? ไม่จริงครับ แต่… นิเวศของสื่อสารมวลชนไทยมันเปลี่ยนไปครับ การเสพสื่อวิทยุ – โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ต่างๆ นั้นเปลี่ยนไปมากเลยในยุคนี้ นับตั้งแต่ก่อนพายุ “โพดุล” จะเข้าไทย กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศแจ้งเตือนตลอดมาเป็นระยะๆ สื่อวิทยุ-โทรทัศน์ได้ออกข่าวเตือนย้ำ มามากมายหลายครั้ง แต่ผู้รับสารมีน้อยครับ น้อยจริงๆ เพราะผู้คนเสพสื่อในโลกออนไลน์มากกว่าสื่อเดิมๆ เช่น ดูรายการโทรทัศน์ต่างๆ ก็ดูย้อนหลังได้ และเลือกชมเฉพาะสิ่งที่ตนเองชอบเท่านั้น การเตือนภัย การพยากรณ์อากาศจึงถูกละเลยไป ไม่มีใครสนใจ


เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th

บางท่านบอกว่า “เอ้า! มีสื่อออนไลน์ก็ใช้ซิ มันจะได้รวดเร็วไง” ครับ! เรื่องที่สะใจ ถูกใจ ถูกจริต ก็กระจายเร็วมากเป็นไฟลามทุ่ง เช่น ข่าวดาราคนนั้นชอบคนนี้ จะปี้คนนั้น ก้นหม้อข้าวไม่ทันดำก็เลิกกันแล้ว (มันจะดำได้ไงเขาใช้หม้อไฟฟ้ากันแล้วลุง อ้าว!) ส่วนเรื่อง “ภัยพิบัติใกล้ตัว” มันจะไม่ดัง ไม่มีคนสนใจ ไม่แชร์ข่าวลงในกลุ่มตนเองเลย จนกว่ามันจะมาสวัสดีหน้าบ้านแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ทันการแล้ว


เตือนมาไม่รู้กี่ครั้งก็ไม่ฟังกันเลย

แล้วนิเวศสื่อออนไลน์มันก็มีพื้นที่เฉพาะลงไปอีก ตามความนิยมชมชอบ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไปอีก ทั้งเหลือง แดง ส้ม ฟ้า เทา ดำ ขาว ใครอยู่กลุ่มไหน ก็จะสนใจแต่ในกลุ่มออนไลน์นั้น ถ้าต่างกลุ่มแม้จะแหกปากความจริงยังไง กรูก็ไม่ฟังเมิงไง… พอหน่วยงานรัฐบาลออกข่าว กลุ่มที่ไม่ชอบรัฐบาลก็จะตะแบงว่า “เขียนเสือให้วัวกลัว จะได้ออกประกาศฉุกเฉินผลาญงบประมาณอีกล่ะซิ” มันใช่ไหมล่ะ พอจวนตัวน้ำมาท่วมปาก แล้วก็โพนทะนากันใหญ่ “ทำไมไม่เตือนประชาชนก่อน?” อ้าว! บอกแล้วมึงฟังไหมล่ะ?


ตัวอย่างการแจ้งเตือนภัยพิบัติในต่างประเทศ

การเตือนที่ได้ผลมีไหม? มี แต่… ไม่ทำกัน ทั้งที่เทคโนโยลีเหล่านี้มันทำได้ตั้งนานแล้ว ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเปิดเบอร์โทรศัพท์โรมมิ่งในต่างประเทศด้วย วันนั้นมีพายุฝนเข้าในเมืองที่ผมไปเที่ยว ปรากฏว่ามีข้อความถูกส่งผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ผม จากเครือข่ายในญี่ปุ่นเพราะเครื่องระบุพิกัด GPS ว่า ผมอยู่ในเขตที่จะเกิดภัยพิบัติ ทั้งข้อความภาษาญี่ปุ่น (ที่ผมอ่านไม่ออก) และภาษาอังกฤษ ประเทศไทยเราทำไมไม่ทำ? หรือ กสทช. เอาแต่จะประมูล 5G เพื่อหาเงินให้สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลที่ปิดตัวลงไป อันนี้ท่านต้องไปถามกันดูเอาเองนะ

ถ้า “ระบบเตือนภัยพิบัติ” ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต ในประเทศไทยเราสามารถทำงานได้จริง ความเสียหายจากภัยพิบัติจะน้อยลงมาก เพราะเตรียมการป้องกันตนเองได้ทัน รวมทั้งจะต้องมีการให้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Line, Facebook, Twitter, Instagram etc. ต้องมีการแจ้งเตือนภัยเหล่านี้ลงในสื่อด้วย ก็ในเมื่อสื่อพวกนี้มันจับพิกัดที่อยู่ของผู้ใช้งานได้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเพิ่มเงื่อนไขอะไรมากมายเลย เจ้าภาพนี้คือ กระทรวง DE และ กสทช.

ข่าวลวง ข่าวหลอก

คลื่นใหญ่ที่สาดซัดภัยพิบัติในครั้งนี้ จนทำให้ขวัญและกำลังใจคนทำงานแทบจะหมดไป คือ ข่าวลวง ข่าวหลอก เสียงลือเสียงเล่าอ้างของบรรดา “เกรียนคีย์บอร์ด” ที่ไม่ได้อยู่ในน้ำท่วมจริงๆ แต่โดนน้ำลายจากฝ่ายที่ตนชื่นชอบไหลบ่ามาท่วมถึงหัวใจยันสมอง จนถึงต้องดิ้นรนออกมาร้องแรกแหกกะเฌอ หาความยุติธรรม (ปลอมๆ) โยนขี้ (ภาระงานอันหนักอึ้ง) ให้หน่วยกูภัย จิตอาสา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่ลงพื้นที่หน้างานตั้งแต่วันแรกๆ ของอุทกภัย ที่ทำงานกันไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย แทบหมดกำลังใจ


ความช่วยเหลือจากจิตอาสากู้ภัยมากมายไหลหลั่งมา

คนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันแน่ๆ อยู่แล้ว หน่วยกู้ภัยจากหลายๆ แห่ง ยกขบวนกันมาช่วยพี่น้องที่ถูกน้ำท่วม ทั้งที่ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บรรดาจิตอาสามากมายทั้งคนในพื้นที่เอง และจากทุกภาคในประเทศลงมาช่วยกัน ทั้งเรื่องยานพาหนะ เรือ รถยกสูง เพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ ผู้คนทั้งผูชรา เด็ก คนไข้ติดเตียง สิงสาราสัตว์ใหญ่น้อย รวมทั้งการสนับสนุนเรื่องอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค เครื่องอุปโภค บริโภคมากมาย


ฟังความจริงกันหน่อย เปิดใจสักนิดนะ

และกำลังหลักที่เข้าถึงเป็นกลุ่มแรกๆ คือ “ลูกหลาน” พวกเราเองนี่แหละที่ไปอยู่ในค่ายทหารต่างๆ มาทั้งกำลังกายในวัยฉกรรจ์ และยานพาหนะขนาดใหญ่ที่ทนต่อการต้านน้ำไหลได้ ผมผ่านไปหลายๆ จุดที่น้ำท่วมก็เห็นเขาเหล่านี้ ทั้งเหล่าทัพบก เรือ อากาศ และตำรวจ เต็มไปหมด ก่อนที่อาสากู้ภัยจากที่ต่างๆ จะเดินทางมาถึง เพราะในเขตร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ จะมีกำลังพลจากทุกเหล่าทัพตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นี้ประจำอยู่แล้ว


กองทัพไทยช่วยเหลือประชาชน

แต่เกรียนมโนในโลกออนไลน์ “สิงห์คีย์บอร์ด” จะไม่รู้ไม่เห็นหรอก เพราะพวกนี้พอเห็นหน่วยงานราชการใด ทำการไลฟ์สด ออกช่วยเหลือประชาชน เขาจะมโนไปเลยว่า “เฮ้ย! สร้างภาพ ไม่ดู” จึงไม่เห็นความยากลำบากในการทำงาน และความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จริงๆ จนกว่า “กลุ่มของตนจะหลั่งน้ำตา” จึงจะออกมาผสมโรง ไม่ฟังใครเขา “นายกฯ ผู้ว่า ไปไหน?” อ้าว! สนใจด้วยรึ?


ตรงนี้ปีที่แล้วไม่เคยท่วม แต่ปีนี้ไม่รอดครับ

น้ำท่วมทำไมไม่ออกมา รู้ไหมมันเข้าไปช่วยลำบาก

ใครๆ ก็อยากออกมาจากที่น้ำท่วม อยากปลอดภัยกันทั้งนั้นแหละ แต่… ออกมาแล้วจะให้ไปอยู่ไหน อยู่อย่างไร? มันต้องคิดให้รอบด้านด้วยนะ ออกจากบ้านที่เคยอยู่ลำบากไปได้แต่ตัว ทรัพย์สินเอาออกไปไม่ได้ ก็เป็นห่วงล่ะ ขนาดที่เอาออกไปได้ก็ยังเป็นห่วงใช่ว่าจะปลอดภัยนะ บางครอบครัวย้ายที่อยู่ 3 ครั้งถึงจะพ้นน้ำ ย้ายครั้งแรกไปริมถนนที่คิดว่าคงไม่ท่วมเพราะปีที่แล้วมันไม่ท่วม แต่ปีนี้ดันท่วมถึงและมาเร็วด้วย บางคนเพิ่งจะทำเพิงพักมุงสังกะสีชั่วคราว วางแคร่ไม้ไผ่ยกพื้นพอจะได้นอนพัก แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ วันรุ่งขึ้นน้ำมาขนของแทบไม่ทัน ย้ายอีกครั้งที่สอง ได้แค่ 2 คืนมันมาอีกแล้ว ต้องย้ายอีกครั้งที่สามถึงรอดพ้นน้ำ


การช่วยเหลือยากลำบากเส้นทางสัญจรถูกตัดขาด เหลือเพียงทางเรือ

ทรัพย์สินที่เอาออกมาไม่ได้ยกขึ้นชั้นสองบ้าง ใต้หลังคาบนขื่อบ้านก็มี ให้ลูกเมียออกไปก่อน สามีที่แข็งแรงก็อยู่เฝ้าบ้าน มีเรือก็โชคดีไปได้ขนย้ายสิ่งของออกมาบ้างบางส่วน และได้อาศัยพายแวะเวียนไปดูบ้านบ้าง ที่ไม่มีเรือก็ลำบากมากหน่อย มนุษย์ยุคนี้มันไว้ใจยากอยู่ มีบางคนเอาทรัพย์สินที่ขนย้ายได้ออกมาเหลือแต่บ้านไว้ พอน้ำลด ทั้งประตู หน้าต่าง หลังคาดีๆ ถูกถอดออกไปหมด ไม่ใช่น้ำพัดพาไป คนนี่แหละมาขโมยทั้งๆ ที่ประสบภัยยากลำบากกันขนาดนี้


ไอ้ขี้ครอก เห็นแก่ตัวเพียงเพราะอยากกินเหล้า

ปีนี้ 2562 แม้แต่เรือกู้ภัยมาช่วยน้ำท่วมแท้ๆ มันยังมาขโมยแบตเตอรีเรือของผู้มีพระคุณไปขาย เพียงแค่อยากได้เงินไปซื้อเหล้าขาว 2 ขวด ทั้งในช่วงกลางวัน กลางคืน เราก็ต้องเสียกำลังพล ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่วนหนึ่ง ไปตระเวณป้องปรามพวกเวรตะไล 500 เหล่านี้อีก แทนที่จะได้ไปช่วยกันด้านอื่นๆ นี่คือความเดือดร้อนที่ “มานุดมโน” ไม่เคยเห็น และไม่เคยนึกถึงด้วยซ้ำ ไม่โดนกับตัวเองไม่มีวันรู้หรอกว่า “บ้านถูกน้ำท่วม” นั้นเสียหายเดือดร้อนขนาดไหน

ผมเองเป็นผู้ประสบอุทกภัย โดนไปเมื่อปี 2554 น้ำท่วมบ้านถึงระดับเข่า เสียหายเยอะโดยเฉพาะหนังสือ/ตำราที่สะสมไว้ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นอยู่ เอาไม่ทันจริงๆ เรียกว่า นั่งดูน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านต่อหน้าต่อตา เหนื่อยมากเพราะท่วม 2 รอบ ต้องล้างบ้าน 2 หน จนต้องมาซื้อบ้านใหม่ในทำเลที่มั่นใจว่า สูงกว่าระดับน้ำท่วมใหญ่ปี 2521 มากถึง 2 เมตรในปัจจุบัน


ทหาร ลูกหลานประชาชน ที่เสียสละออกช่วยเหลือไม่ย่อท้อ

บทเรียนที่ต้องหาทางแก้ไข

น้ำท่วมปีนี้ไม่ใช่ว่า เราประมาทไม่เตรียมการอะไร ประชาชนบางส่วนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำมูล แม่น้ำชี นั้นเขาเตรียมตัวกันดีพอสมควร ปลายสิงหาคมเขาก็เริ่มอพยพนำสิ่งของมีค่าต่างๆ ขึ้นมาไว้บ้านญาติๆ ที่ปลอดภัยกันบ้างแล้ว แต่ในบางจุดที่ไม่เคยท่วมมานานนับสิบปี ไม่คิดว่ามันจะท่วมก็ดันท่วมด้วย ทั้งท่วมแบบมาเร็ว มาแรงเสียด้วย เช่น ที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ที่น้ำมาในพริบตาเดียวระดับสูงเกือบ 2 เมตร จนอพยพเด็กนักเรียนในโรงเรียนอนุบาลออกมาไม่ทัน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน


น้ำท่วมโรงเรียนอนุบาลโพนทอง ร้อยเอ็ด

ริมแม่น้ำสายหลักนั้นท่วมเป็นปกติทุกปี แต่ในจุดที่ไม่เคยท่วมมาก่อน ปีนี้ทำไมถึงท่วม และทำไมถึงมาเร็วขนาดนั้นล่ะ มาวิเคราะห์ปัญหากันเล่นๆ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้นะ ผมวิเคราะห์ภาพรวมๆ ไม่เจาะจงพื้นที่

ในเขตเมือง สาเหตุมาจากความเจริญที่ขาดการวางแผน ผังเมืองที่มันเปลี่ยนสีตามผู้มีอำนาจในยุคต่างๆ ทำให้แก้มลิงที่เคยรับน้ำหาย กลายเป็นที่ที่มีเจ้าของ ออกโฉนดได้ แล้วก็ขายเปลี่ยนมือไปยังนายทุน ทำไมต้องนายทุน? ก็เพราะ ชาวบ้านไม่มีปัญญาถมที่ที่ลุ่มต่ำขนาดนั้น มาเป็นเนินสูงกว่าที่ดอนเดิมได้หรอก จากนั้นมันก็กลายเป็นศูนย์การค้า อาคารพาณิชย์ หมู่บ้านจัดสรร มีการขยายของเมืองที่ไร้ทิศทาง ขาดการวางแผน รถราติดหนึบ แล้วก็มาแก้ปัญหาคือทำถนนวงแหวนรอบเมือง ตัดผ่านที่นายทุนที่กว้านซื้อไว้ล่วงหน้า ได้ค่าเวนคืนด้วย ทำให้ที่ดินตาบอดกลับกลายเป็นที่ดินมีราคาขึ้นมาอีก รวยกันสองเด้ง


ทางเลี่ยงเมืองของรถยนต์ แต่ขวางทางน้ำไหล

ทำถนนวงแหวน โดยไม่สำรวจก่อนเลยว่า ในอดีตที่บริเวณนี้มันมีที่ทางให้น้ำระบายออกไปทางไหน อย่างไร ในปริมาณเท่าไหร่ (ยิ่งไม่สอบถามชาวบ้าน ชุมชนยุคก่อนพัฒนาเมือง) ก็ไม่ทราบข้อมูลที่เป็นจริง ห้วย หนอง คลองในอดีตตื้นเขินไปโดยธรรมชาติ หรือโดยการเบียดบังจากมนุษย์มีมากน้อยเพียงใด ทำให้การวางแผนสร้างถนนทำได้เพียงทำท่อลอดระบายน้ำไม่กี่จุด แทนที่จะทำเป็นสะพานคอนกรีตยาวๆ เยอะๆ ถี่ๆ ให้น้ำระบายได้เร็วก็เลยท่วมกันทุกปีอย่างที่เห็น

ในเขตนอกเมือง สาเหตุมาจากการทำเกษตรเพื่อการค้า เรารุกพื้นที่ป่าทาม พื้นที่โคกป่าไม้ เพื่อการเกษตรเชิงพาณิชย์ ปลูกเพื่อขายกันมากยิ่งขึ้นทุกปี ทำการเกษตรโดยอาศัยฟ้า อาศัยฝน พระพิรุณเท่านั้น โดยไม่สร้างแหล่งน้ำ (กลับรุกแหล่งน้ำนั้นเสียเอง เช่น ป่าบุ่ง ป่าทาม ที่เคยเป็นที่ชลอเก็บกักน้ำ ก็ไปหักล้าง ไถ เพื่อเป็นที่ทำการเกษตร เทียบได้กับป่าพรุ ป่าชายเลนในภาคใต้ ภาคตะวันออก) การรอแต่พระพิรุณ เราก็เลยได้แต่…


ท่วมเป็นวงกว้าง สุดสายตากันจริงๆ

ความพิโรธโกรธเคือง พ่นน้ำลงมาแล้วไม่มีที่กักเก็บ ชะลอ พยุงน้ำให้ซึมลงดินช้าๆ กลายเป็นไหลหลากมาท่วมอย่างรวดเร็วตั้งตัวไม่ทัน “การทำสวนยาง” บางคนก็ว่า “มันก็เป็นป่ามีต้นไม้อยู่นี่” จริง!!! แต่… ไม่ทั้งหมด ใต้ต้นยางพาราโดนถากถาง พ่นยาฆ่าหญ้าให้ตาย กลายเป็นลานโล่งๆ ให้น้ำไหลมาง่ายๆ กว่าเดิมเสียอีก คำว่า “ป่า” นั้นประกอบด้วยไม้ต่างระดับกัน ตั้งแต่หญ้าหรือวัชพืชคลุมดิน ต้นไม้พุ่มขนาดเล็ก ต้นไม้ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ หลายสายพันธุ์ที่ต่างก็มีราก กิ่ง ก้าน ใบ แผ่ขยายที่ต่างกัน ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้ผืนดินแตกต่างกันนะ บ้างก็รากหยั่งลงลึก บ้างก็รากแผ่สยายตามผิวดิน ซึ่งมีผลต่อการซึมซับน้ำลงในดินทั้งนั้น


ป่าบุ่ง ป่าทาม แหล่งเก็บกักน้ำแหล่งอาหาร

พอเราไม่มีที่กักเก็บน้ำอย่างเหมาะสม จึงปรากฏการณ์น้ำหลากลงมาในเมือง ในหมู่บ้าน โดยอาศัยถนนเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ที่มากันอย่างรวดเร็วนั่นเอง ใช่ไหม? ก็ลองพิจารณากันดูนะครับ

ดูจะเป็นบันทึกที่ยาวไปหน่อยแล้ว เหตุการณ์ในปีนี้คงโทษใครไม่ได้ เพราะพวกเรามนุษย์นี่แหละทำกันเอง ทั้งการทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง ทั้งการแก้ไขที่เกี่ยงงอนด้วยอคติ ยังไม่สายหรอกที่คนไทยเราจะหันหน้ามาร่วมมือกัน เรื่องภัยพิบัติแก้ได้ด้วยสติ ความร่วมมือ และความปรองดองเห็นแก่ประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ตน หาใช่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนักกินเมืองไม่ เอ้า! ยังแวะมาอีกจนได้ ไปล่ะนะยาวเกิน สวัสดี…!!!


เดือดร้อนแม้กระทั่งผี ยังต้องวิ่งหนีน้ำท่วม ฮ่วย!!!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *